แคชเมียร์ เลห์ ลาดักห์ 8 D 6 N


พาคนรู้ใจไปกับเรา Public Holiday

Hilight

แคชเมียร์ - ศรีนาดา - โซนามาร์ค

ดาร์กิล - ลามายูรู - หุบเขานูบรา

ทะเลสาบพันกอง - เมืองเลห์ ลาดักห์

รายละเอียดทัวร์

ราคาเริ่มต้น : 39999 ประเทศ : ทัวร์เอเชีย จำนวนวัน : 8 วัน 6 คืน เดือนที่ออกเดินทาง : เดือน กรกฎาคม - ตุลามคม 62 สายการบิน : SPICEJET (SG)

วันที่ 1 - กรุงเทพฯ – เดลลี (ประเทศอินเดีย)

01.00 น.

คณะพร้อมกันที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ประตู 3 เคาน์เตอร์ สายการบิน SPICEJET (SG) โดยเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ คอยให้ความสะดวกแก่ท่าน

กระเป๋าเล็กถือติดตัวขึ้นเครื่องบิน

  •  กรุณางดนำของมีคม ทุกชนิด เช่น มีดพับ กรรไกรตัดเล็บทุกขนาด ตะไบเล็บ เป็นต้น กรุณาใส่ในกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ห้ามนำติดตัวขึ้นเครื่องบิน
  •  วัตถุที่เป็นลักษณะของเหลว อาทิ ครีม โลชั่น น้ำหอม ยาสีฟัน เจล สเปรย์ และเหล้าเป็นต้น จะถูกทำการตรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยจะอนุญาตให้ไม่เกิน 10 ชิ้น ในบรรจุภัณฑ์ละไม่เกิน 100 ml.

(แนะนำให้โหลดของที่ไม่จำเป็นลงใต้ท้องเครื่องเพราะเจ้าหน้าที่อินเดียตรวจค่อนข้างละเอียดเพื่อเป็นการไม่เสียเวลาแนะนำให้ถือเฉพาะกระเป๋าถือขนาดเล็กและของมีค่าขึ้นเครื่องเท่านั้น)

*****บริการชุดอาหารเช้า ณ สนามบินสุวรรณภูมิ****

03.50 น.

เหิรฟ้าสู่ เมืองเดลลี (New Delhi) ประเทศอินเดีย (India) โดยสายการบิน SPICEJET (SG) เที่ยวบินที่ SG88

**หมายเหตุ** สายการบิน SPICEJET ไม่มีบริการอาหาร

(ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง) เวลาที่อินเดียช้ากว่าประเทศไทย 1.30 ชั่วโม

06.25 น.

ถึงท่าอากาศยานนานาชาติอินทิราคานธีร์ เมืองเดลลี (New Delhi) ตามเวลาท้องถิ่นผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและตรวจรับสัมภาระออกเดินทางเข้าสู่อาคารผู้โดยสารภายในประเทศเพื่อต่อเครื่องเข้าสู่ เมืองศรีนาคา ( แคชเมียร์ )

08.30 น.

นำท่านเช็คอิน เพื่อเดินทางสู่ แคชเมียร์

10.42 น. เหิรฟ้าสู่ เมืองศรีนาคา (Srinagar) เมืองหลวงของแคว้นจามมู (Jammu) และ แคชเมียร์ (Kashmir) โดยสายการบิน SPICEJET (SG) เที่ยวบินที่ SG973

12.05 น. เดินทางถึงสนามบินศรีนาคา (Srinagar) ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและพร้อมรับสัมภาระแล้วนำท่านเดินทางสู่พาฮาลแกม โดยขบวนรถโตโยต้าอีโนว่า (4 -5 ท่าน/คัน)

เที่ยง

บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตาคารถ้องถิ่น ในเมืองศรีนาคา

จากนั้น นำท่านเดินทางสู่ โซนามาร์ค (Sonamarg) (ประมาณ 3 ชั่วโมง) อ้อมกอดหิมาลัยที่โซนามาร์คท้องทุ่งแห่งทองคำ Meadow of gold แห่งแคชเมียร์ สูงกว่าระดับน้ำทะเล 2,740 เมตร เป็นแหล่งท่องเที่ยวอันมีวิวทิวทัศน์อันสวยงาม อยู่บนเส้นทางระหว่างเมืองศรีนาคากับเมืองเลห์ ในบริเวณหุบเขาโซนามาร์กนี้มีธารน้ำแข็งสีขาวบริสุทธิ์ที่ปกคลุมอยู่ตามลาดไหล่เขา อีกทั้งเทือกเขาหิมะที่สะท้อนแสงแดดเป็นประกายสีทอง จึงเป็นที่มาของชื่อ โซนามาร์ค และยังมีเทือกเขาหิมาลัยเป็นฉากหลัง ที่เรียกขานตามท้องถิ่นว่า ทาจิวาส ภูเขาซึ่งปกคลุมไปด้วยหิมะตลอดปี มีแม่น้ำสินธ์ ลดเลี้ยวผ่านหุบเขาในอีกฟากของถนนโซนามาร์คเป็นสถานีเริ่มต้นที่จะมุ่งหน้าไปยังลาดัคห์ หรือเป็นรู้จักกันดีในชื่อว่า ประตูสู่ลาดัคห์เส้นทางนี้จะเป็นเส้นทางที่มีทิวทัศน์สวยงาม ตลอดสองข้างทาง ยังมี “ธารน้ำแข็งกราเซีย(Thajiwas Glacier) ที่เกิดจากการทับถมของหิมะมายาวนาน ละลายเป็นธารน้ำแข็งตามแนวเขา....ตลอดเส้นทางจึงเป็นเส้นทางที่ให้ขับรถไปถ่ายรูปไป...เลยทีเดียว

ค่ำ

บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านเข้าที่พัก Sonamarg glacier หรือเทียบเท่า


วันที่ 2 - โซนามาร์ค – คากิลร์ (Kargil)

07.00 น.

บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ คากิลร์ (KARGIL) โดยขบวนรถโตโยต้าอีโนว่า (4 ท่าน/คัน) (ระยะทาง 125 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทาง 5 ชั่วโมง) .....เส้นทางที่สวยงามจนเปรียบเสมือนถนนโลกพระจันทร์..เส้นทางนี้จะเปิดให้รถวิ่งในช่วงฤดูร้อน ช่วงที่หิมะเริ่มละลาย เดือน พฤษภาคม ถึงเดือน ตุลาคม นอกนั้นฤดูอื่นถนนเส้นนี้จะเป็นน้ำแข็ง มีหิมะเกาะคลุมไปทั่ว คากิลร์ ตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 2,650 เมตร จากระดับน้ำทะเล เป็นเมืองที่มีการค้าขายกับชายแดนปากีสถาน มีประชากรแสนกว่าคน ส่วนมากนับถือศาสนาอิสลามนิกาย Shia มีศาสนาฮินดูและซิกข์ เพียงเล็กน้อย

เที่ยง

บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารถ้องถิ่น ระหว่างทาง

เดินทางต่อ ผ่าน Zojila Pass (3,540 m) พาสแรกที่เราผ่านที่เป็นเหมือนด่านแรกให้เราได้ปรับตัวบนที่สูง เส้นทางนี้จะเปิดช่วงเดือน ปลายเมษายนของทุกปี และ เมือง Dras (ห่างจากโซนามาร์ค 60 กิโลเมตร) คาร์กิลเป็นเมืองสุดท้ายที่เป็นเขตอิสลามก่อนเข้าเขตเมืองศาสนาพุทธ ถึงแม้เป็นเมืองใหญ่แต่นักท่องเที่ยวมักใช้เป็นเมืองทางผ่านแวะค้างคืนเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองรองจากเลห์ เดินทางต่อตลอดเส้นทางจะเห็น วิถีชีวิตและวัฒนธรรมเก่าแก่ของชาวแคชเมียร์ ชมวิวทิวทัศน์ที่สุดแสนมหัศจรรย์ แล้วเราจะถึง เมือง Kargil ช่วงค่ำๆ เข้าสู่ที่พักถึง เมืองคาร์กิล ให้ท่านได้อิสระเดินเล่นชมบรรยากาศยามเย็น ย่านตลาดสินค้าพื้นเมือง กันตามอัธยาศัย 

ค่ำ

บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านเข้าที่พัก Hotel Zojila Residency หรือเทียบเท่า


วันที่ 3 - คากิลร์ (Kargil) - ลามายูรู (Lamayuru) - เลห์ (Leh)

06.30 น.

บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม

นำท่านออกเดินโดยขบวนรถโตโยต้าอีโนว่า (4 -5 ท่าน/คัน) สู่ เมืองเลห์ Leh Ladakh ตามทางหลวงไร้หมายเลข ไปจนถึงเมืองเลห์ เมืองหลวงแห่ง ลาดักห์… เมืองทางเหนือของประเทศอินเดียที่ล้อมรอบไปด้วยภูเขาหิมะ ธรรมชาติแสนยิ่งใหญ่ และวัฒนธรรมของชาวลาดักห์ (ระยะทาง 229 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทาง 9 ชั่วโมง)…ระหว่างทางผ่าน Mulbekh Monastery นำท่านแวะชม พระพุธรูปแกะสลักที่หน้าผาเล็กๆ เป็นวัดเล็กๆ รูปแกะสลักความสูงขององค์พระอริยะเมตตรัย ราวๆ 9 เมตร เป็นอีกจุดที่แสดงถึงการเข้ามาของศาสนาพุทธในภูมิภาคนี้

เที่ยง

บริการอาหารกลางวัน ณภัตตาคารถ้องถิ่น ระหว่างทาง

ออกเดินทางต่อไป เมืองลามายูรุ (Lamayuru) ซึ่งเป็นหุบเขาแห้งแล้งเหมือนเรากำลังเดินทางผ่านดาวอังคาร ตลอดเส้นทางจะเห็น วิถีชีวิตและวัฒนธรรมเก่าแก่ของชาวแคชเมียร์ ชมวิวทิวทัศน์ที่สุดแสนมหัศจรรย์ นำท่าน วัดลามายูรู (Lamayuru Monastery) ซึ่งอยู่ห่างจากเลห์ 125 ก.ม. โดยวัดแห่งนี้ถูกสร้างโดยหินทราย เป็นวัดในนิกาย Drigungpa อดีตเคยอยู่ในความดูแลของ Kadampa โรงเรียนของพุทธศาสนาแบบทิเบต ก่อนที่จะถูกนิกาย Drigungpa เข้ายึดครองในที่สุดตั้งอยู่บนยอดเขาหินทราย แวดล้อมไปด้วยดินแดนที่เรียกว่า Moon Land ดูแปลกตา จากนั้นเราจะผ่าน แม่น้ำสินธุ (Indus River) และ แม่น้ำซันสการ์ ((Zanskar River) มาบรรจบกันเป็นแม่น้ำสองสี อีกหนึ่งสถานที่ที่น่าสนใจนำพาท่านจอดชม Magnetic Hill นี่จริงๆแล้วมีชื่อเรียกอีกชื่อว่า Gravity Hill ประเด็นมันมีอยู่ว่า ถ้าจอดรถเอาไว้ตรงจุดที่เค้ากำหนดไว้แล้วดับเครื่องยนต์ เราจะเห็นเหมือนกับว่า รถมันไหลขึ้นภูเขาได้เอง ซึ่งจริงๆแล้วมันเป็นภาพลวงตา ทางถนนจริงๆมันเป็นทางลงเขาต่างหาก แต่มุมมองที่มองมันเหมือนกับขึ้นภูเขานั่นเอง  เดินทางต่อตามทางหลวงไร้หมายเลข ไปจนถึงเมืองเลห์ ..นำท่านเข้าสู่ที่พักและพักกผ่อน

ค่ำ

บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม

ที่พัก Hotel Royal Palace หรือเทียบเท่า


วันที่ 4 - เมืองเลห์ (Leh) - ถนนที่สูงที่สุดในโลก Khardung La Pass - นูบร้าวัลเล่ย์ – วัดดิสกิต - ขี่อูฐที่ฮุนเดอร์ - หุบเขานูบรา (Nubra Valley )

07.00 น.

หมายเหตุ:กรุณาเตรียมกระเป๋าเล็กเพื่อ พักในหุบ เขานูบรา 1 คืน 

บริการอาหาร ณ ที่พัก

จากนั้นพาท่านเดินทางสู่ นูบร้าวัลเล่ย์ (Nubra Valley) (ใช้เวลาประมาณ 5-6 ชั่วโมง) โดยวันนี้เราจะใช้เส้นทางถนนที่สูงที่สุดในโลก Khardung La Pass ที่ระดับความสูงราว 5,600 เมตร จากระดับน้ำทะเลเป็นเส้นทางที่สวยมาก จากจุดนี้เราสามารถมองเห็นเทือกเขาคาราโครัมในประเทศปากีสถานได้เลย และที่จุดสูงสุดนี้เราจะไม่ให้คณะอยู่นานนัก เพราะอากาศที่เบาบางอาจทำให้เราแพ้ความสูงและไม่สบายได้ นูบร้าวัลเล่ย (Nubra Valley) หรือหุบเขาแห่งดอกไม้ทางเหนือของเมืองเลย์ ชมดอกไม้นานาพันธุ์ เช่นดอกแอปเปิ้ล สวนแอปริคอต และนกนานาชนิด เส้นทางนี้เป็นเส้นลางลัดเลาะหุบเขา และแม่น้ำ สัมผัสบรรยากาสที่งดงามจนไม่กล้าพลาดแม่แต่นาทีเดียว

12.30 น.

บริการกลางวัน ณ ณ ภัตตาคาร / โรงแรม

เดินทางต่อไปยัง หุบเขานูบราวัลเลย์ และแวะ วัดเดสกิต (Deskit Monastery) ตั้งอยู่บนเนินเขาเป็นจุดชมวิวที่สวยงามวัดดิสกิตเป็นวัดที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในหุบเขานูบรา ภายในประดิษฐานพระศรีอาริยเมตไตขนาดใหญ่มากมองเห็นได้จากทั่วทุกซอกมุมของนูบร้าวัลเลย์และตัววัดก็มีฉากหลังเป็นยอดเขาหิมะที่สวยงามวัดเก่าแก่อายุมากกว่า 500ปี  จากนั้นนำท่านสนุกสนานกับการ ขี่อูฐ ที่ทะเลทรายบนเทือกเขาหิมาลัย (ไม่รวมอยู่ในค่าบริการประมาณ 500-1,000 รูปี) ชมวิวทิวทัศน์อันสวยงามของหุบเขานูบรา ที่นูบร้าวัลเล่ย์เป็นแหล่งปลูกแอปเปิ้ลและแอปปลิคอท มากมาย และมีอากาศไม่หนาวมากนักสบายๆ ในความสูงระดับประมาณสองพันกว่าเมตร ดังนั้นจึงเป็นเมืองที่สบายๆคล้ายกับบ้านเรา

ค่ำ

บริการ อาหารค่ำ ณ โรงแรม หลังอาหาร อิสระพักผ่อน

ที่พัก ณ NATURE’S NEST NORTH CAMP หรือ TENT หรือเทียบเท่า


วันที่ 5 - หุบเขานูบรา - เมืองเลห์

07.00 น.

บริการอาหาร ณ ที่พัก

สมควรแก่เวลาเดินทางกลับ เมืองเลห์ ...ก่อนอำลาหุบเขาดอกไม้ นำท่าน ผ่านหมู่บ้านซูเมอร์แวะชม วัดซัมสทันลิ่ง (Samstanling Monastery) วัดพุทธสไตล์ทิเบต ของนิกายหมวกเหลือง ที่มีความเก่าแก่มากกว่า 100 ปีเป็นวัดที่มีพระและเณรจำนวนมาก มีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่อนุรักษ์ดูแลไว้เป็นอย่างดี...จากนั้นเดินทางสู่เมืองเลห์ ข้ามคาร์ดุงลา “Khardung La” ถนนที่สูงที่สุดในโลก อีกรอบผ่าน ใช้เวลาประมาณ 5-6 ชั่วโมง โดยใช้เส้นทางผ่าน Khardungla Pass เส้นทางเดิมที่มา

เที่ยง

บริการอาหารกลางวัน ณ เมืองเลห์

เมือง Leh Ladakh … เมืองทางเหนือของประเทศอินเดียที่ล้อมรอบไปด้วยภูเขาหิมะ ธรรมชาติแสนยิ่งใหญ่ และวัฒนธรรมของชาวลาดักห์ ใครบอกอินเดียไม่มีของดี ยืนยันว่ามี และมีเยอะมากๆๆ ที่นี่คือสวรรค์บนดินของนักเดินทางอย่างแท้จริง...….มา เห็น เลห์ ลาดักห์ ด้วยตาคุณเองสักครั้งหนึ่งในชีวิต ชมพระราชวังเลห์ พระราชวังเลห์ ตั้งอยู่บนเนินเขาสามารถมองเห็นได้ชัดเจนจากจัตุรัสกลางเมืองเลห์ พระราชวังเลห์สร้างขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 17 มีทั้งหมด 9 ชั้น ในอดีตเป็นพระราชวังที่ประทับของราชวงศ์แห่งลาดักห์ จากนั้นชม Tsemo Gompa เป็นวัดที่สร้างใน ค.ศ. 1430 ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปสูงขนาดตึก 3 ชั้น และพระคัมภีร์เก่าแก่ วัดนี้เป็นจุดชมวิวอีกจุดหนึ่ง ที่สามารถเห็นตัวเมืองเลห์ได้อย่างสวยงาม ชมและสักการะเจดีย์สันติภาพ (Shanti Stupa) เจดีย์สันติภาพ เป็นเจดีย์สีขาว ขนาดใหญ่โดยญี่ปุ่นเป็นผู้สร้างขึ้นเพื่อประกาศพระศาสนาและแสดงถึงสันติภาพแห่งโลก รอบๆเจดีย์สามารถมองเห็นหิวทัศน์ของเมืองเลห์ได้อย่างรอบด้าน

ค่ำ

รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรม อิสระพักผ่อนตามอัธยาศัย

ที่พัก Hotel Royal Palace หรือเทียบเท่า


วันที่ 6 - เมืองเลห์ – ทะเลสาบพันกอง - เมืองเลห์

06.30 น.

บริการอาหาร ณ ที่พัก

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ทะเลสาบพันกอง (Pangong Lake) ระดับความสูง 4,350 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ระยะทาง 320 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง โดยนั่งรถผ่านถนนเส้นที่สูงเป็นอันดับ 3 ของโลก Chang La pass ระหว่างทางขึ้นมันก็สวยแบบเกินคำบรรยาย...

เที่ยง

บริการอาหารกลางวัน ระหว่างทาง

ชมความงามของ ทะเลสาบพันกอง (Pangong Lake) ซึ่งมีความยาวถึง 40 ไมล์ และกว้าง 2-4 เป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่อยู่สูงสุดในโลกคือ มีความสูงถึง 4300 เมตร จากระดับน้ำทะเล ชมความงามของทะเลสาบที่มีภูเขาสูงเป็นฉากหลัง น้ำในทะเลสาบแห่งนี้มีสีสันที่งดงามมาก โดยเฉพาะในช่วงเย็นน้ำจะมีสีน้ำเงินเข้ม ส่วนในช่วงเช้าจะมีสีที่อ่อนกว่า และพื้นที่ 75% ของทะเลสาบอยู่ในดินแดนทิเบต อีก 25% อยู่ในเขตของประเทศอินเดีย ..อิสระถ่ายรูปกับ ทะเลสาบพันกอง เป็นวิวที่เรียกว่า ได้รับความนิยมสูงสุดของเลห์.. ได้เวลาอันสมควร.. จากนั้นเดินทางกลับสู่เมืองเลห์ โดยใช้เส้นทางเดิม โดยการเดินทางในวันนี้จะผ่านจุดที่สูงที่สุดของถนนสายนี้คือประมาณ 5,300 เมตรจากระดับน้ำทะเล เรียกจุดนี้ว่า Chang La Pass เราจะจอดให้ท่านได้ถ่ายรูปสักครู่ ไม่ควรอยู่นานเกินไปเพราะจะทำให้เราไม่สบายได้..ออกเดินทางต่อค่ะ เพลิดเพลินกับวิวสองข้างทางเปิดโอกาสให้จอดถ่ายรูปเป็นระยะๆ ถึงเมืองเลห์...นำท่านเดินเล่น ช็อปปิ้งเลือกซื้อสินค้าของฝาก ของที่ระลึก ที่ถนนเมนบาร์ซาร์

ค่ำ

รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรม อิสระพักผ่อนตามอัธยาศัย

ที่พัก Hotel Royal Palace หรือเทียบเท่า


วันที่ 7 - เมืองเลห์ – เดลลี - กรุงเทพฯ

06.00 น.

บริการอาหาร ณ ที่พัก

จากนั้นนำท่านเดินทาง สู่สนามบินเลห์

08.10 น. เหินฟ้ากลับเดลี โดยสายการบิน SPICEJET (SG) เที่ยวบินที่ SG122

09.45 น.

เดินทางถึงสนามบินเดลี หลังจากที่ได้กระเป๋าและสัมภาระครบแล้ว

เดินทางสู่ อาศรัธาม (Akshardham) หรือ อัชดัม วัดฮินดูที่ใหญ่ที่สุดในโลก สถานที่ที่น่าเลื่อมใสของมหาชนทั่วประเทศอินเดีย ในอินเดียมีวัดลักษณะเช่นนี้อยู่มากแต่ในที่สุด บริษัทกินเนสก็มอบใบประกาศนียบัตร วัดฮินดูใหญ่ที่สุดในโลก ให้กับวัดนี้ ด้วยเหตุผลคือเป็นวัดใหญ่ที่สุดสร้างโดยเอกชนและถือว่าเป็นวัดฮินดูที่ใหญ่ที่สุด เพราะมีบริเวณกว้างมากถึง 86,342 ตารางฟุต วัดนี้มีความอัศจรรย์มากมาย สร้างด้วยหินทรายสีชมพู แกะสลัก และปูพื้นด้วยหินอ่อน มียอดโดมเป็นหินทรายชมพูแกะสลักตัวโดมสูง 72 ฟุต มีเสา โดม ล้อม 1,160 ต้น รอบโดมแกะเป็นเศียรคชสารจำนวน 148 เศียร ด้านในบรรจุเทพเจ้าฮินดูแกะสลักกว่า20,000 องค์ ใช้เวลาสร้าง 5 ปีเท่านั้น โดยท่านประมุขสวามีมหาราช เป็นผู้ออกแบบเพียงคนเดียวเป็นสถาปัตยกรรมฮินดูที เก่าแก่ที่สุดก่อสร้างโดยช่างอาสาสมัครมีทั้งนักบวชช่างศิลปะรวมถึงนักแสวงบุญทุกคน

เที่ยง

บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

นำท่านผ่านชม ราชปาติภาวัน ที่พำนักของประธานาธิบดี (Presidential Palace หรือ Rashtrapati Bhavan) เป็นสถาปัตยกรรมแบบโมกุลผสานกับแบบตะวันตกที่มีขนาดใหญ่โต และซับซ้อนแห่งนี้เป็นหนึ่งในที่พำนักของประธานาธิบดีที่ใหญ่ที่สุดในโลกอ ที่พำนักของประธานาธิบดีอินเดีย (Rashtrapati Bhavan) ในนิวเดลีเป็นหนึ่งในบ้านพักของประมุขแห่งรัฐที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก อาคารมีขนาด 19,000 ตารางเมตร (200,000 ตารางฟุต) มีสี่ชั้นและ 340 ห้อง ตั้งอยู่บนพื้นที่ 130 เฮกตาร์ (320 เอเคอร์) ณ ใจกลางของเมือง รูปแบบสถาปัตยกรรมผสมผสานคตินิยมแบบโมกุลและยุโรปในลักษณะอันมีเสน่ห์น่าทึ่ง นำท่านชม ประตูเมืองอินเดีย (Indian Gate) ใช้เป็นอนุสาวรีย์ของทหารที่เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง จุดไฟ อมรชีวินบูชาวิญญาณนักรบไม่เคยดับ ตั้งแต่ พ.ศ.2474 (ค.ศ. 1931) จวบจนปัจจุบัน มีชื่อจารึกไว้ที่แผ่นหิน 85,000 ชื่อ

18.00 น.

นำท่านเดินทางสู่ท่าอากาศยานนานาชาติอินทิรา คานธี ทำการเช็คอินเค้าเตอร์สายการบิน SPICEJET (SG) รับตั๋วเครื่องบิน และผ่านกระบวนการตรวจคนเข้าเมือง

อิสระอาหารค่ำตามอัธยาศัย เพื่อความสะดวกในการเช็คอินและผ่านกระบวนการตรวจคนเข้าเมือง

21.20 น.

ออกเดินทางสู่กรุงเทพ ฯ โดยสายการบิน SPICEJET (SG) เที่ยวบินที่ SG87 (ไม่มีบริการอาหารบนเครื่อง )


วันที่ 8 - เดินทางกลับถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ

03.00 น.

ถึง...ท่าอากาศสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ……..


อัตราค่าบริการนี้รวม ( Tour Price Include )

อัตราค่าบริการรวม :

 ตั๋วเครื่องบินไป-กลับกรุงเทพฯ-เดลี-ศรีนาคา-เดลี-กรุงเทพฯชั้นประหยัดโดยสายการบิน SPICEJET และภายในประเทศที่ระบุ

 ค่าภาษีสนามบินทุกแห่งและค่าประกันภัยสายการบิน

 ค่าที่พักโรงแรมระดับ 3- 4 ดาวตามระบุในรายการ

 รถโค้ชปรับอากาศรับ-ส่งสนามบินระหว่างอาคารภายในประเทศและต่างประเทศ, และโตโยต้าอีโนว่าหรือรถTempo ปรับอากาศในแคชเมียร์ตามระบุในรายการ

 ค่าอาหารทุกมื้อตามระบุ/ค่าธรรมเนียมเข้าชมสถานที่ต่างๆ

 ค่าประกันอุบัติเหตุระหว่างการเดินทางวงเงิน 1 ล้านบาท (วงรักษาพยามบาทไม่เกิน 5 แสนบาท/ครั้ง)ทั้งนี้ย่อมขึ้นอยู่ในข้อจำกัดที่มีการตกลงไว้กับบริษัทประกันชีวิต

ค่าธรรมเนียมวีซ่าสำหรับหนังสือเดินทางไทย ยื่นแบบออนไลน์เท่านั้น (ไม่ต้องโชว์ตัว)

อัตราค่าบริการนี้ไม่รวม ( Tour Price Excluded )

อัตราค่าบริการไม่รวม

 ค่าจัดทำหนังสือเดินทาง (PASSPORT) และค่าทำใบอนุญาตที่กลับเข้าประเทศของคนต่างชาติ หรือ คนต่างด้าว

 ค่าใช้จ่ายอื่นๆนอกเหนือจากที่ระบุไว้ในรายการและค่าใช้จ่ายส่วนตัวต่างๆ เช่น ค่าโทรศัพท์ ค่าซักรีด ฯลฯ  ค่าธรรมเนียมน้ำมันของสายการบิน (ถ้ามี)

 ค่าวีซ่าที่มีค่าธรรมเนียมแพงกว่าหนังสือเดินทางไทย

 ค่าภาษีหักณ ที่จ่าย 3% ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% (กรณีออกใบกำกับภาษี)

 ค่าธรรมเนียมการชำระเงินด้วยบัตรเครดิต VISA 3% AMEX 4%

 ค่าน้ำหนักเกินพิกัดตามสายการบินกำหนด 20 กิโลกรัม

 ค่าทิปไกด์ท้องถิ่น,พนักงานขับรถ 50 USD /ท่าน ตลอดการเดินทางมอบให้กับหัวหน้าทัวร์

 ค่าบริการยกกระเป๋าในโรงแรมและสนามบิน ซึ่งท่านจะต้องดูแลกระเป๋าและทรัพย์สินด้วยตัวท่านเอง

 ค่าทิปหัวหน้าทัวร์ไทย ทิปหัวหน้าทัวร์แล้วแต่ความพึงพอใจในบริการของท่าน

เงื่อนไขการสำรองที่นั่งการชำระเงิน ( Condition of Payment )

เงื่อนไขการสำรองที่นั่ง (ที่ท่านควรทราบก่อนสำรองที่นั่ง)

กรุณาชำระเงินมัด ท่านละ 15,000 บาท พร้อมส่งสำเนาหน้าหนังสือเดินทาง ทางแฟ็ก หรือ ไลน์ หลังการจองภายใน 3 วันส่วนที่เหลือชำระทั้งหมดก่อนเดินทางภายใน 25 วัน และส่งมอบเอกสารการเตรียมการยื่นขอวีซ่าตามที่กำหนด ***

หมายเหตุ: อนึ่งกรุณาส่งหลักฐานการชำระเงินให้เจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ ทราบ เก็บหลักฐานเพื่อประโยชน์ของท่าน

ในกรณีที่ท่านโอนเงินจากต่างจังหวัด ****ราคาทัวร์ดังกล่าวไม่รวมค่าธรรมเนียมหรือค่าบริการของธนาคารทุกกรณี

สำคัญมาก!!!การยกเลิกบัตร และการคืนเงิน“สายการบินโลว์คอสต์

 สายการบิน SPICEJET เป็นสายการบินสายการบินโลว์คอสต์ หลังการจองโดยชำระมัดจำแล้ว หากท่านต้องการยกเลิกการเดินทางไม่ว่ากรณีใดๆก้อตามไม่สามารถ Refund คืนเงินได้ เว้นแต่จะมีคนเดินทางแทน ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่ว่าทางบริษัทฯยังไม่ออกบัตรโดยสารด้วย เนื่องจากเป็นตั๋วกรุ๊ปเหมาจ่าย“สายการบินโลว์คอสต์” จ่ายถูกแต่มีข้อแลกเปลี่ยนขอให้ท่านทำความเข้าใจก่อนชำระเงิน เมื่อท่านทำการซื้อโปรแกรมทัวร์ ทางบริษัทฯ จะถือว่าท่านรับทราบและยอมรับเงื่อนไขของหมายเหตุทุกข้อแล้ว

เงื่อนไขการเปลี่ยนแปลง/ยกเลิก ( Cancellation and Amendment )

การยกเลิก

1. ยกเลิกก่อนการเดินทาง 30 วัน คืน (คืนเฉพาะค่าใช่จ่ายในต่างประเทศเท่านั้น)

2. ยกเลิกการเดินทางภายใน 15 วัน (คืนเฉพาะค่าใช่จ่ายในต่างประเทศเท่านั้น)

3. ยกเลิกการเดินทางภายใน 7 – 14 วัน (คืนเฉพาะค่าใช่จ่ายในต่างประเทศ ตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง)

4. ยกเลิกการเดินทางภายใน 1 – 6 วัน ขอสงวนสิทธิ์ในการคืนเงินค่าทัวร์ทั้งหมดในทุกกรณี

5. กรุ๊ปที่เดินทางช่วงวันหยุดหรือเทศกาลที่ต้องการันตีมัดจำกับสายการบินหรือกรุ๊ปที่มีการการันตีค่ามัดจำห้องพักโดยตรงหรือผ่านตัวแทนในต่างประเทศและที่อาจขอเงินคืนได้ รวมถึงเที่ยวบินพิเศษเช่น EXTRA FLIGHT และCHARTER FLGIHT จะไม่มีการคืนเงินเงินมัดจำหรือค่าทัวร์ทั้งหมดเนื่องจากค่าจากค่าตั๋วเป็นการเหมาจ่ายในเที่ยวบินนั้นๆ

เงื่อนไขและข้อกำหนดอื่นๆ ( Other Conditions Restrictions )

กรุณาอ่านหมายเหตุให้ละเอียดทุกข้อ

 บริษัทฯ สงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงโปรแกรมรายการท่องเที่ยวและอัตราค่าบริการโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้าตามความเหมาะสม

 กรณีที่คณะไม่ครบจำนวน 15 ท่านทางบริษัทฯ สงวนสิทธิ์ในการงดออกเดินทางโดยทางบริษัทฯจะแจ้งให้ท่านทราบล่วงหน้า 14 วันก่อนการเดินทาง

 บริษัทฯ สงวนสิทธิ์ในการที่จะไม่รับผิดชอบต่อค่าชดเชยความเสียหาย อันเกิดจากเหตุสุดวิสัยที่ทางบริษัทฯ ไม่สามารถควบคุมได้ เช่น การนัดหยุดงาน, จลาจล,การล่าช้าหรือยกเลิกของเที่ยวบิน รวมถึงกรณีที่กองตรวจคนเข้าเมืองไม่อนุญาตให้เดินทางออกหรือกองตรวจคนเข้าเมืองของแต่ละประเทศไม่อนุญาตให้เข้าเมือง รวมทั้งในกรณีที่ท่านจะใช้หนังสือเดินทางราชการ (เล่มสีน้ำเงิน) เดินทาง หากท่านถูกปฏิเสธการเดินทางเข้าหรือออกนอกประเทศใดประเทศหนึ่ง

 ตั๋วเครื่องบินเมื่อออกตั๋วแล้วไม่สามารถ Refund ได้ทุกกรณี โดยเงื่อนไขของสายการบินกำหนด

 การไม่รับประทานอาหารบางมื้อไม่เที่ยวตามรายการไม่สามารถขอหักค่าบริการคืนได้เพราะการชำระค่าทัวร์เป็นไปในลักษณะเหมาจ่าย

 เมื่อท่านทำการซื้อโปรแกรมทัวร์ ทางบริษัทฯ จะถือว่าท่านรับทราบและยอมรับเงื่อนไขของหมายเหตุทุกข้อแล้ว

 ข้อแนะนำบางประการให้นักท่องเที่ยวทราบก่อนการเดินทาง

สำหรับห้องพักแบบ 3 เตียง มีบริการเฉพาะบางโรงแรมเท่านั้น กรณีเดินทางเป็นผู้ใหญ่ 3 ท่าน บริษัทฯ ขอแนะนำให้นักท่องเที่ยวเปิดห้องพัก เป็น 2 ห้อง จะสะดวกกับนักท่องเที่ยวมากกว่า

 หากออกตั๋วแล้วนักท่องเที่ยวไม่สามารถขอคืนเงินได้ และไม่สามารถเปลี่ยนวันเดินทางได้หรือตามเงื่อนไขของการสายการบินนั้นๆ

 กระเป๋าเดินทางเพื่อโหลด สำหรับชั้นท่องเที่ยว ท่านละ 1 ใบ (น้ำหนักไม่เกิน20 กิโลกรัม)

เนื่องจากเป็นlow cost Airline อนุญาติให้ กระเป๋าถือขึ้นเครื่อง Hand Carry (น้ำหนักไม่เกิน 7 กิโลกรัม)

ในกรณีที่ลูกค้าต้องออกตั๋วโดยสารภายในประเทศ กรุณาติดต่อเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ ก่อนทุกครั้ง มิฉะนั้นทางบริษัทฯ จะไม่ขอรับผิดชอบค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น

ข้อมูลการยื่นวีซ่า ( Visa Information )

เอกสารในการยื่นวีซ่าท่องเที่ยวอินเดีย แบบออนไลน์ (ไม่ต้องโชว์ตัว)

• รูปถ่ายสี (ถ่ายมาไม่เกิน 3 เดือน ขนาด 2×2 นิ้ว) 1 รูป พื้นหลังสีขาว

• สำเนาหนังสือเดินทางอายุการใช้งานไม่ตำกว่า 6 เดิน ห้ามขีดทับ

• สำเนาบัตรประชาชน 1 ชุด • สำเนาทะเบียนบ้าน 1 ชุด

• สำเนาวีซ่าอินเดียหากท่านเคยเดินทางเข้าอินเดียแล้ว 1 ชุด เอกสารทั้งหมดสามารถส่งแบบออนไลน์ Line , Email ได้เลยครับ^^


วันที่ 1
กรุงเทพฯ – เดลลี (ประเทศอินเดีย)
วันที่ 2
โซนามาร์ค – คากิลร์ (Kargil)
วันที่ 3
คากิลร์ (Kargil) - ลามายูรู (Lamayuru) - เลห์ (Leh)
วันที่ 4
เมืองเลห์ (Leh) - ถนนที่สูงที่สุดในโลก Khardung La Pass - นูบร้าวัลเล่ย์ – วัดดิสกิต - ขี่อูฐที่ฮุนเดอร์ - หุบเขานูบรา (Nubra Valley )
วันที่ 5
หุบเขานูบรา - เมืองเลห์
วันที่ 6
เมืองเลห์ – ทะเลสาบพันกอง - เมืองเลห์
วันที่ 7
เมืองเลห์ – เดลลี - กรุงเทพฯ
วันที่ 8
เดินทางกลับถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ